31 สิงหาคม 2554

Pretaน่ารักจังเลย


เปรต 




เปรต (อังกฤษPretaสันสกฤต: प्रेत, ญี่ปุ่น: 餓鬼, จีน: 餓鬼) เป็นผีตามความเชื่อไทย มีรูปร่างสูงเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ผิวดำ ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม และเปรตจะหิวอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากกินอะไรไม่ได้ จึงชอบมาขอส่วนบุญในงานบุญต่างๆ ซึ่งเมื่อสะสมบุญได้แล้วเกิดใหม่ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งจากลักษณะนี้ทำให้คำว่า เปรต กลายมาเป็นคำด่าในภาษาไทยที่หมายถึง คนที่อดอยากผอมโซ เที่ยวรบกวนขอเขากิน หรือเมื่อมีใครได้โชคลาภก็เข้ามาขอแบ่งปัน


 คำว่า เปรต แปลว่า ผู้ตายไปแล้ว ในทางพุทธศาสนาหมายถึง สัตว์พวกหนึ่งที่ที่เกิดในเปตสิสัยซึ่งเป็นอบายภูมิ ๑ ใน ๔ ซึ่งประเภทของเปรตมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต

การทำพลีกรรมแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือการทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายว่า เปตพลี หรือ บุพเปตพลี



ปรตมีหลายประเภท เช่น


แบ่งตาม เปตวัตถุอรรถกถา



แบ่งได้ 4 ประเภท
  • ปรทัตตุปชีวิกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ จากอาหารที่มีมนุษย์ให้ เช่น การเซ่นไหว้ เป็นต้น
  • ขุปปีปาสิกเปรต คือ เปรตที่อดอยาก ทุกข์จากความหิวโหยอยู่เป็นนิจ
  • นิชฌามตัณหิกเปรต คือ เปรตที่ถูกไฟเผาให้เร่าร้อนอยู่เสมอ
    • กาลกัญจิกเปรต คือ เปรตในจำพวกอสุรกาย

แบ่งตาม คัมภีร์โลกบัญญัตติปกรณ์ และ ฉคติทีปนีปกรณ์

แบ่งได้ 12 ประเภท
  • วันตาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินน้ำลาย เสมหะ อาเจียน เป็นอาหาร
  • กุณปาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินซากศพคนหรือสัตว์ เป็นอาหาร
  • คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระต่าง ๆ เป็นอาหาร
  • อัคคิชาลมุขเปรต คือ เปรตที่มีเปลวไฟลุกทั่วในปากตลอดเวลา
  • สุจิมุขเปรต คือ เปรตที่มีปากเท่าเล็กขนาดเท่ารูเข็ม
  • ตัณหัฏฏิตเปรต คือ เปรตที่ถูกตัณหาเบียดเบียนจนเกิดทุกข์จากความหิวข้าวหิวน้ำอยู่เสมอ
  • สุนิชฌามกเปรต คือ เปรตที่มีตัวดำเหมือนตอไม้ที่ถูกเผา
  • สุตตังคเปรต คือ เปรตที่มีเล็บมือเล็บเท้ายาวและคมราวกับมีด
  • ปัพพตังคเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายสูงใหญ่เท่าขนาดของภูเขา
  • อชครังคเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายราวกับงูเหลือม
  • เวมานิกเปรต คือ เปรตที่ต้องเสวยสุขเป็นเทวดาเฉพาะในเวลากลางวัน แต่ในเวลากลางคืนได้ไปเสวยทุกข์เป็นเปรตกินเนื้อตัวเอง
  • มหิทธิกเปรต คือ เปรตที่ถวายสิ่งของให้แก่พระสงฆ์ไม่ว่าจะเป็น ช้าง ม้า หรือเกวียน ซึ่งเป็นการถวายเพื่อเอาหน้าแต่ลับหลังขอคืน เมื่อตายไปเป็นเปตรที่ขี่ช้าง ม้า ไม่ก็นั่งเกวี

แบ่งตามวินัยและลักขณสังยุตตพระบาลี

แบ่งได้ 21 ประเภท
  • อัฏฐีสังขสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่กระดูกติดกันเป็นท่อน ๆ
  • มังสเปสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่เนื้อเป็นชิ้นๆ
  • มังสปิณฑเปรต คือ เปรตที่มีเนื้อเป็นก้อน
  • นิจฉวิปริสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม
  • อสิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นพระขรรค์
  • สัตติโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นหอก
  • อุสุโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นลูกธนู
  • สูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็ม
  • ทุติยสูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็มชนิดที่ ๒
  • กุมภัณฑเปรต คือ เปรตที่มีอัณฑะใหญ่โตมาก
  • คูถกูปนิมุคคเปรต คือ เปรตที่จมอยู่ในอุจจาระ
  • คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระ
  • นิจฉวิตกิเปรต คือ เปรตหญิงที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม
  • ทุคคันธเปรต คือ เปรตที่มีกลิ่นเหม็นเน่า
  • โอคิลินีเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายเป็นถ่านไฟ
  • อลิสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีศีรษะ
  • ภิกขุเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับพระ
  • ภิกขุณีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับภิกษุณี
  • สิกขมานเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสิกขมานา
  • สามเณรเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณร
  • สามเณรีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณรี

 

เปรตในประเทศไทย


เปรตวัดสุทัศน์

เป็นความเชื่อแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์เกี่ยวกับเรื่องราวของเปรตแห่งวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่เล่ากันว่าที่วัดแห่งนี้มักมีเปรตปรากฏกายในเวลากลางคืนเป็นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ประกอบกับอหิวาตกโรคที่ระบาดจนมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 จนเผาศพแทบไม่ทัน ณ วัดสระเกศ จนมีคำกล่าวคล้องจองกันว่า "แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์ "
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เรื่องเล่าเปรตวัดสุทัศน์ฯนั้น มาจากภาพวาดบนฝาผนังในอุโบสถ ที่เป็นรูปเปรตตนหนึ่งนอนพาดกายอยู่ และมีพระสงฆ์ยืนพิจารณาอยู่ ซึ่งภาพนี้มีชื่อเสียงมากในสมัยอดีต เป็นที่เลื่องลือกันของผู้ที่ไปที่วัดแห่งนี้ว่าต้องไปดู และสิ่งที่ผู้คนเห็นว่าเป็นเปรตนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณวัดแห่งนี้มายาวนานบอกว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นเงาของเสาชิงช้าที่อยู่หน้าวัด ในสายหมอกยามเช้าต่างหาก
ต่อมา เรื่องเปรตวัดสุทัศน์นี้ได้ถูกเขียนเป็นนวนิยาย และมีการนำไปทำเป็นละครโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2546 ออกอากาศทางช่อง 7 นำแสดงโดย วรนุช วงษ์สวรรค์ และ เอกรัตน์ สารสุข

เปรตกู้

เปรตกู้ เคยปรากฏเป็นข่าวครึกโครมผ่านทางสื่อมวลชนมาครั้งหนึ่ง ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2543 เมื่อทางหนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงข่าวหน้าหนึ่งว่า มีผู้บันทึกวีดีโอของเปรตได้ที่ป่าคำชะโนด อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี รวมทั้งปาฏิหารย์ต่าง ๆ ในป่าแห่งนี้ได้อีกด้วย เช่น การตักบาตรกับต้นไม้โดยรุกขเทวดาซึ่งจะได้เป็นข้าวมธุปายาส เป็นต้น เมื่อวีดีโอชุดนี้ได้เผยแพร่ออกไป มีบุคคลจำนวนหนึ่งให้ความเชื่อถือ เช่น พ.อ.นพ.พงศักดิ์ ตั้งคณา นักพูดชื่อดัง รวมทั้งพระพยอม กัลยาโณ พระนักเทศน์ชื่อดังเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เป็นต้น
ต่อมา ความได้ปรากฏว่าแท้ที่จริงแล้ว เรื่องทั้งหมดในเทปวีดีโอนั้น ล้วนแต่เป็นการจัดฉาก โดยบุคคลที่ชื่อ นายกิตติ ประภัสโรบล หรือที่นิยมเรียกกันว่า อาจารย์กู้ ซึ่งนายกิตติได้มีพฤติกรรมหลอกลวงเช่นนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว โดยในครั้งนี้นายกิตติได้แสดงเป็นเปรตจึงถูกเรียกว่า เปรตกู้ ต่อมานายกิตติก็ได้ถูกตำรวจที่นำโดย พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี จับกุม และถูกศาลพิพากษาให้จำคุกให้ข้อหาหลอกลวงประชาชน เมื่อพ้นโทษออกมาแล้ว นายกิตติได้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ 

อื่นๆ

ในกลางปี พ.ศ. 2551 ที่จังหวัดลำปาง มีเด็กชายคนหนึ่งตื่นนอนขึ้นมากลางดึก และเห็นสิ่งประหลาดที่มีรูปร่างสูงมากนอกหน้าต่างมุ้งลวดจากห้องนอน จึงได้ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งต่อมาเป็นที่โจษจันกันว่าเป็นรูปเปรต แต่เมื่อรายการเรื่องจริงผ่านจอ ทางช่อง 7 ได้ขึ้นไปพิสูจน์ พบว่าเป็นเพียงเงาของเศษผ้าที่อุดมุ้งลวดที่ขาดเท่านั้นเอง


15 มิถุนายน 2554

LOVE!!!รักในวัยเรียน

           
รักในวัยเรียน...


ความรักในวัยเรียน





แต่ความรักในวัยเรียน เป็นความรักที่ดี ที่เรามีต่อเพื่อน ๆ ทุกคนตั้งแต่เรียนด้วยกันมา ความรักที่ดีควรจะมีความจริงใจต่อกัน มีน้ำใจ ไม่พาเพื่อนเสีย ให้เกียติกัน นอกจากความรักที่มีต่อเพื่อน ๆ แล้ว ก็ยังมีความรักต่อพ่อแม่ คือความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ พ่อแม่สามารถเสียสละได้ทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนยามเราไม่สบาย พ่อแม่ต้องเหนื่อยมากแค่ไหน เราไม่สามารถรู้ได้ แต่เราก็สามารถทดแทนพระคุณของพ่อแม่ได้ ความรักที่มีต่อตัวเอง เราก็ควรตั้งใจเรียน ไม่ทำร้ายตนเองในทางตรงหรือทางอ้อม เพราะอาจทำให้พ่อแม่เสียใจ ความรักของคนบางคนอาจมีความหมายไม่เหมือนกัน แต่สำหรับฉันแล้ว ความรัก คือ ความจริงใจที่มีให้ต่อกันและกัน 


รักในวัยเรียน...


ความรักในวัยเรียน เป็นความรักที่ดี ที่เรามีต่อเพื่อน ๆ ทุกคนตั้งแต่เรียนด้วยกันมา ความรักที่ดีควรจะมีความจริงใจต่อกัน มีน้ำใจ ไม่พาเพื่อนเสีย นอกจากความรักที่มีต่อเพื่อน ๆ แล้ว ก็ยังมีความรักต่อพ่อแม่ คือความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ พ่อแม่สามารถเสียสละได้ทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนยามเราไม่สบาย พ่อแม่ต้องเหนื่อยมากแค่ไหน เราไม่สามารถรู้ได้ แต่เราก็สามารถทดแทนพระคุณของพ่อแม่ได้ ความรักที่มีต่อตัวเอง เราก็ควรตั้งใจเรียน ไม่ทำร้ายตนเองในทางตรงหรือทางอ้อม เพราะอาจทำให้พ่อแม่เสียใจ ความรักของคนบางคนอาจมีความหมายไม่เหมือนกัน แต่สำหรับฉันแล้ว ความรัก คือ ความจริงใจที่มีให้ต่อกันและกัน
ความรักในวัยเรียน มีหลายอย่าง เช่น รักเพื่อน รักกันเป็นกิ๊ก แต่ถ้าให้อธิบายคำว่ารักในวัยเรียน คือ บางคนชอบกันเป็นกิ๊ก ชอบกันเล่น ๆ ซะมากกว่า เพราะเราไม่ได้รักกันไปยาวนาน เพราะเดี๋ยวตอนโต ก็จะได้เจอคนที่ดี ทำงานที่ดี มีครอบครัวที่ดีจึงจะเรียกว่ารักแท้ ถ้าให้หนูเลือกตอนนี้...รักเพื่อนดีกว่า เพราะจะเป็นมิตรที่ยั่งยืน เราควรคบกับเพื่อนทุกคน เพราะเขาจะช่วยเหลือเราได้เหมือนกัน แต่ตอนนี้รักพ่อแม่ และตัวเองดีที่สุด

ความรักในวัยเรียนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่จำเป็นต้องเป็นหนุ่มสาว แต่น่าจะเป็นพ่อแม่และเพื่อน ๆ รวมถึงเรื่องเรียนด้วย
ข้อดี ก็คือ เมื่อเรามีเพื่อนเราก็รักเพื่อน ช่วยเหลือกัน และเป็นมิตรที่ดีต่อกัน เราจะได้ไม่เหงาเพราะมีเพื่อน ๆ
ข้อเสีย เมื่อเราทะเลาะกันมันทำให้รู้สึกไม่ค่อยดี ไม่มีความสุขเพราะต้องนึกถึงแต่เรื่องของเพื่อนที่ทะเลาะกัน เราไม่จำเป็นต้องมีความรักในวัยเรียนตามยุคตามสมัย โดยเฉพาะความรักของหนุ่มสาว สิ่งที่เราควรรักก็คือ ความขยันในการเรียนและรักพ่อแม่มากกว่า


ความรักในวัยเรียนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อเสีย คือ ทำให้เสียการเรียน หรือไม่ก็อาจทำให้พ่อแม่เสียใจ ทำให้เราเสียอนาคตก็ได้ บางทีการที่เรามีความรักในวัยเรียนก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยสำหรับเรา เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น แต่เมื่อโตแล้วก็จะเป็นความรักที่แท้จริง สามารถศึกษาซึ่งกันและกันได้ แต่ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุด คือการเรียน การทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเรามากที่สุด เมื่อเราตั้งอนาคตไว้ตรงจุดไหนเราก็ควรที่จะไปให้ถึง
ข้อดี คือ
การที่เราได้รับประสบการณ์ในการมีความรัก และที่สำคัญที่สุดคือ การรักพ่อแม่ ที่คอยห่วงใยคอยดูความสำเร็จของเราอยู่ เราก็ควรที่จะตอบสนองเพื่อไม่ให้ท่านเสียใจ เพราะท่านเป็นคนเลี้ยงดูเรา ส่งให้เราเรียนหนังสือ พ่อกับแม่เคยพูดกับฉันว่า แค่เรียนจบก็ดีใจแล้ว...
ความรักในวัยเรียน สำหรับฉันแล้ว ฉันว่ามันยังไม่จำเป็นซักเท่าไร แต่ถ้ามีก็ไม่ผิด เพราะวัยนี้เป็นวัยที่อยากรู้อยากลองอยู่แล้ว แต่ก็ควรรักให้ถูกให้เหมาะสม ต้องไม่ให้เสียการเรียน ไม่ใช่ว่าเวลาทุกนาทีต้องให้แฟนหมด ถ้ารักแบบนั้น ฉันว่าอย่ารักกันเลยจะดีกว่า
ปัญหาในสังคมไทยตอนนี้เราจะเห็นว่ามีคนฆ่าตัวตาย หรือมีการฆาตกรรมกันมาก สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากความรัก รักแล้วไม่สมหวังเกิดการเครียดแค้น และส่วนมากจะอยู่ในวัยของนักศึกษา
คนเราควรจะรักให้เป็น ถ้ารักไม่เป็นก็อาจนำมาซึ่งการสูญเสียได้




ความรักในวัยเรียนอันที่จริงไม่ควรจะมี เพราะยังเด็ก และวุฒิภาวะยังมีไม่มากพอ แต่ถ้ามีความรัก ก็ควรจะมีความรักแบบเพื่อนมากกว่า ที่สำคัญความรักแบบเพื่อน จะอยู่นานกว่าความรักแบบแฟน
เป็นคล้าย ๆ Poply Love ความรักที่เกิดในช่วงนี้อาจผ่านไปอย่างรวดเร็ว และอาจไม่ลึกซึ้งเท่ากับวัยทำงาน แต่เด็กเกือบทุกคนที่อยู่ในวัยนี้ ก็ริจะมีความรักแน่นอน ความรักไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องรักให้ถูก ให้อยู่ในเขตในสายตาผู้ใหญ่ รักไม่ใช่เรื่องที่เสื่อมเสียถ้าเราไม่ทำให้มันเสื่อมเสีย ถ้าเลือกจะรัก ต้องรักให้ถูก ต้องรักให้เป็น สำหรับความรักในวัยเรียนนั้น ฉันคิดว่าทุก ๆ คนต้องมีบ้างแหล่ะ ไม่มากก็น้อย และความรักในวัยเรียนก็แตกต่างกันออกไป เช่น รักเพื่อน รักเพื่อนต่างเพศ รักครอบครัว รักคนรอบข้าง และสุดท้ายรักตนเอง
ความคิดหรือความรักของฉันก็คือ 1.รักตนเอง เพราะถ้ายังไม่รักตนเองแล้วใครจะรักเรา 2. รักครอบครัว 3. รักคนรอบข้าง และสำหรับเพื่อนต่างเพศนั้นฉันคิดว่า มันคงจะเร็วเกินไป ในการที่จะหาใครสักคนมาเป็นแฟน แต่ถ้ารักอยู่ในขอบเขต ไม่เหลวไหล ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่แหล่ะ คือข้อดีของการมีใครสักคน สำหรับข้อเสียอาจเป็นการชวนกันไปหมกมุ่นเกี่ยวกับยาเสพติดและสิ่งที่ไม่ดี ถ้ามีแฟนแล้วชวนกันแย่อย่างนี้อย่ามีเลยดีกว่า ง่ายที่สุดอยู่คนเดียว และสุดท้ายนี้อยากบอกว่าก่อนที่จะไปรักใครเข้าใจใค
ร ต้องรักตนเองและเข้าใจตนเองซะก่อน
ความรักในวัยเรียนเป็นความรักที่ดีสวยงามแค่ตอนแรกที่คบกัน พอมีเรื่องขัดใจกันก็ทะเลาะกันแล้วเลิกกันไป ทำให้เสียการเรียนและหม่นหมอง ทำให้ตัวเองไม่มีค่า
ข้อดี ความรักในวัยเรียน ควรรักแค่เพื่อนไม่ควรเลยเถิดจากนี้
ข้อเสีย ความรักในวัยเรียน อาจทำให้เสียการเรียน เพราะเสียใจเรื่องความรักและทำใจไม่ได้